มิตรภาพ

วันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2555

การเขียนสารคดี

สารคดีเป็นงานเขียนที่มีมานานแล้วใน ประเทศไทย  แต่นิยมเขียนไว้ในรูปของ  พงศาวดาร  ตำนาน  ตำรา  หนังสือสอนศาสนา  จดหมายเหตุ  ประกาศของทางราชการ ฯลฯ  การเขียนสารคดีของไทยเริ่มมีรูปแบบที่ชัดเจนในสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุล จอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  ทั้งนี้เพราะได้มีการติดต่อกับประเทศทางตะวันตก 
๑.     ความหมายของสารคดี       
                 พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช  ๒๕๔๒ อธิบายความหมายของสารคดีว่า  หมายถึง  “ เรื่องที่เขียนขึ้นจากเค้าความจริง  มิใช่เรื่องที่เกิดจากจินตนาการ“ 
งานเขียนสารคดีจึงเป็นข้อเขียนที่ ผู้เขียนต้องการจะให้สาระ ความรู้ ความคิด  โดยไม่ใช้จินตนาการและอารมณ์ผสมผสานลงไป  แต่จะต้องใช้ภาษาสำนวนที่มีศิลปะ  คมคาย  เพื่อให้ผู้อ่านเกิดความสนุกสนานเพลิดเพลิน

                 ด้วยเหตุที่  สารคดีเป็นเรื่องที่เขียนขึ้นจากความเป็นจริง  ทำให้เนื้อหาของสารคดีเกี่ยวกับเรื่องราวต่าง ๆ   ได้แก่  บุคคล  ภูมิศาสตร์  ประวัติศาสตร์  วิทยาศาสตร์  การเดินทางท่องเที่ยว การอธิบายปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น  แนะนำกิจกรรมต่าง ๆ  สถานสำคัญ
ในแต่ละท้องถิ่น
        
๒.    ประเภทของสารคดี                  
         สารคดีแบ่งเป็นประเภทได้ดังนี้          
                  ๒.๑  สารคดีบุคคล  เป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับชีวิตที่น่าสนใจของบุคคลทั่วไปใน
แง่มุมต่าง  ๆ

                 ๒.๒  สารคดีโอกาสพิเศษ  เป็นเรื่องที่เขียนตามเทศกาลสำคัญต่าง ๆ ของ
แต่ละชาติ เช่น 
วันสุนทรภู่  วันวิสาขบูชา                
                 ๒.๓  สารคดีประวัติศาสตร์  เป็นเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่นำมาเขียนขึ้น
เพื่อย้ำเตือนจิตสำนึกของอนุชนรุ่นหลัง  หรือให้เห็นความสำคัญ  เช่น  สงครามยุทธหัตถี 
การสร้างกรุงเทพมหานคร
                
                 ๒.๔  สารคดีท่องเที่ยว  เป็นการนำเรื่องราวที่พบเห็นจากการท่องเที่ยวมาเขียนถึงในแง่มุมต่าง ๆ ตามทัศนะของตน
                
                ๒.๕  สารคดีแนะนำวิธีทำ  เป็นเรื่องเกี่ยวกับการแสดงขั้นตอนการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่นการทำอาหาร  การผลิตธนบัตร
                
               ๒.๖  สารคดีเด็ก  เขียนถึงเรื่องราวของเด็กในแง่มุมต่างๆ เช่น การเลี้ยงดู
การใช้แรงงานเด็ก              
               ๒.๗  สารคดีสตรี  เขียนถึงสตรีในแง่มุมต่าง ๆ
                
               ๒.๘  สารคดีเกี่ยวกับสัตว์  เขียนถึงสัตว์ในแง่ของการให้ความรู้ที่เป็นสาระ
                
               ๒.๙  สารคดีความทรงจำ  เป็นเรื่องราวของความทรงจำในอดีตที่เล่าให้ผู้อื่นเขียน  หรือเขียนเอง  เช่น  การละเล่นสมัยก่อน  การอพยพหนีสงคราม
                
              ๒.๑๐  สารคดีจดหมายเหตุ  เป็นการบันทึกเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์  
๓.     หลักการเขียนสารคดี
         การเขียนสารคดีมีหลักในการเขียน  ดังนี้
                   ๓.๑   การเลือกเรื่อง   เรื่องที่นำมาเขียนเป็นสารคดี  จะต้องเป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจ  หรือทันสมัย  หากเป็นเรื่องทั่ว ๆ ไป  หรือเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต  ก็ควรนำเสนอให้น่าสนใจด้วยมุมมองที่แปลกใหม่  มีประโยชน์แก่ผู้อ่าน  และมุ่งนำเสนอข้อเขียนที่เป็น
ความรู้  ความคิดจากเรื่องจริง  เหตุการณ์จริง  และจะต้องเขียนให้อ่านเพลิดเพลิน  มีอรรถรส

                  ๓.๒   การตั้งชื่อเรื่อง  ควรตั้งชื่อเรื่องให้ผู้อ่านเกิดความสนใจ  สะดุดหู  สะดุดตา  ควรเป็นชื่อที่เข้ายุคเข้าสมัยในปัจจุบัน  ควรหาคำที่มีความหมายกว้าง ๆ  เพื่อให้
ครอบคลุมเนื้อหา  แต่ชื่อเรื่องต้องตรงกับเนื้อหาด้วย  แนวทางการตั้งชื่อเรื่อง

                          -  แบบชี้นำเนื้อหา  โดยการนำความสำคัญของเนื้อหามาสรุปเป็นความคิดรวบยอดเช่น  ครูไทย...ภารกิจที่ไม่มีวันเสร็จสิ้น,  ยาบ้ามหาภัย
                          -  แบบสำบัดสำนวน  นำสำนวนแปลก ๆมาใช้ เช่น  แสนแสบแสบสยิว  สยึ๋มกึ๋ย                         
                          -  แบบคนคุ้นเคย  เหมือนผู้เขียนคุ้นเคยกับผู้อ่าน  เช่น  มาช่วยกันป้องกันเหตุร้ายกันเถอะ  การอยู่ร่วมกันในหมู่บ้านจัดสรร
                         
                          -  แบบคำถาม  เช่น  จริงหรือที่เขาว่าหัวหินสิ้นมนต์ขลัง
                      
                          -  แบบชวนฉงน  เช่น  ตายแล้วฟื้น,   ตายแล้วไป....                      
                  ๓.๓  กำหนดจุดมุ่งหมายและแนวคิดสำคัญ    การกำหนดจุดมุ่งหมายอาจตั้งคำถามว่าต้องการเขียนให้ใครอ่าน ต้องการให้ผู้อ่านคิด/ ทำอย่างไร  ผู้เขียนต้องกำหนดแนวคิดให้ชัดเจนว่า  สารคดีเรื่องนี้ต้องการจะเสนอแนวคิดสำคัญอะไร  มีแก่นเรื่องอะไรนำเสนอแก่ผู้อ่าน  เพื่อจะได้นำเสนอเนื้อหาถ่ายทอดถ้อยคำหรือประโยคต่าง ๆ เพื่อมุ่งสู่แก่นเรื่องนั้น
                  ๓.๔  การหาข้อมูล  แหล่งความรู้ที่ใช้ประกอบการเขียนสารคดี  ได้แก่  หนังสือ  สารานุกรม  นิตยสาร  วารสาร  วิทยุ  โทรทัศน์  อินเทอร์เน็ต  การสัมภาษณ์  การสนทนา  และการเก็บข้อมูลภาคสนาม  เป็นต้น
                   ๓.๕  การวางโครงเรื่อง  ผู้เขียนต้องวางโครงเรื่องก่อนเขียน  เพื่อเป็นแนวทางในการเขียน  ว่าจะนำเสนอสาระสำคัญ  แยกเป็นกี่ประเด็น  ประเด็นใหญ่ ๆ มีอะไรบ้าง 
ใน ประเด็นหลักมีประเด็นย่อย ๆ  มีตัวอย่าง  มีเหตุผล  เพื่อสนับสนุนประเด็นหลักอย่างไรบ้าง  การวางโครงเรื่องจะช่วยให้เขียนเรื่องได้โดยง่าย  ไม่สับสน  วกวน  นอกเรื่อง  ทำให้เรื่องมีเอกภาพ  มีลำดับต่อเนื่องกัน  และได้เนื้อความครบถ้วน

                  ๓.๖  การลงมือเขียน  สารคดีมีองค์ประกอบเช่นเดียวกับความเรียงทั่วไป  คือ
                          -  ความนำ / การเปิดเรื่อง                                   
                          -  เนื้อเรื่อง / การดำเนินเรื่อง
                         
                          -  ความลงท้าย / การปิดเรื่อง

                          ๓.๖.๑   ความนำ / การเปิดเรื่อง  เป็นการเปิดเรื่องบอกกล่าวให้ผู้อ่าน
รู้ก่อนว่าจะเขียนอะไร  เพื่อชักจูงให้ผู้อ่านสนใจ  การขึ้นความนำอาจทำได้หลายประการ  เช่น

 -  แบบสรุปเนื้อหาให้ผู้อ่านรู้ว่า  ใคร  ทำอะไร  ที่ไหน  เมื่อไร  ทำไม  
-  ขึ้นต้นจากชื่อเรื่องซึ่งเป็นเนื้อหาหลัก 
-  เรื่องในสังคมที่คนกำลังสนใจ                                     
-  คำพูดของบุคคลสำคัญ 
-  เล่าเรื่องลักษณะคล้ายนิทานแล้วโยงเข้าหาเนื้อเรื่อง 
-  เหตูการณ์สำคัญในเรื่อง                                 
-  ยกสุภาษิต  คำพังเพย  กวี  นิพนธ์  คำคม
-  ใช้ประโยคสำคัญ  ที่ปรากฏในเนื้อเรื่องมากล่าว
-  ใช้คำถาม                                                      
-  ยกเหตุการณ์เปรียบเทียบ
-  พรรณนา                                                      
-  ย้อนอดีต  โยงเข้าสู่เหตุการณ์ปัจจุบัน
                          ๓.๖.๒   เนื้อเรื่อง  / การดำเนินเรื่อง   กลวิธีการดำเนินเรื่องของสารคดีอาจเป็นการ เล่าเรื่องผ่านมุมมองของผู้เขียน  หรือมีการแทรกบทสนทนา  หรือบทสัมภาษณ์บุคคลที่เกี่ยวข้อง  ผู้เขียนต้องสอดแทรกความคิดเห็นของตนในเนื้อเรื่องด้วย  เนื้อเรื่องต้องมีส่วนที่เป็นใจความหลัก และส่วนขยายความให้เนื้อหาชัดเจนขึ้น  เช่น  การเสนอข้อมูลแสดงสถิติ  แสดงการเปรียบเทียบ  ตัวอย่างประกอบ  แต่อย่าให้มากเกินไป
                       ๓.๖.๓  ความลงท้าย / การปิดเรื่อง  เป็นส่วนทำให้ผู้อ่านประทับใจ  ควรเขียนให้กะทัดรัดจับใจผู้อ่าน  โดยการสรุปข้อมูล  ข้อคิด แสดงข้อคิดเห็น  คำแนะนำ  วิธีแก้ปัญหาของผู้เขียน  อย่างสร้างสรรค์  โน้มน้าวให้เกิดความร่วมมือ  สรุปให้เกิดความตระหนัก
               ๓.๗  การใช้ภาษา  ควรใช้ภาษาที่ชัดเจน  ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์  เพราะจะทำ ให้ผู้อ่านเข้าใจง่าย  หากเป็นการใช้ศัพท์เฉพาะหรือภาถิ่นควรอธิบายความหมายไว้ด้วย  นอกจากนี้ควรใช้โวหาร  สำนวน  ภาพพจน์  ตลอดจนระดับภาษาให้เหมาะสมกับเนื้อเรื่อง 
จะเขียนแบบพรรณนา  บรรยาย  อธิบาย  หรือ โน้มน้าว ก็ได้       

                 ๓.๘  ความยาวของสารคดี  ไม่ควรมีความยาวมากเกินไป  เพราะสารคดีมีลักษณะเป็นบทเป็นตอน  ไม่ใช่ตำราหรือหนังสืออ้างอิง  จึงควรมีความยาวในการอ่านประมาณ  ๑๕  นาที
                  ๓.๙  การสร้างลีลาการเขียนเฉพาะตัว  แต่ละคนมีลักษณะและลีลาการเขียนที่แตกต่างกัน  จะเลือกแบบใดก็ได้  แต่อย่าลืมว่าผู้เขียนได้ดีต้องเป็นนักอ่านที่ดีมาก่อน  แล้วจึงเลือกหาแนวถนัดของตนเองโดยไม่เลียนแบบผู้อื่น
                  ๓.๑๐  ทบทวนและปรับปรุง  เมื่อจบเรื่องควรทบทวนดูสาระของเรื่องว่าตรงกับชื่อเรื่องที่ตั้งไว้หรือไม่  จากนั้นอ่านตรวจทานอีกครั้ง  หรือถ้าได้เก็บเรื่องที่เขียนไว้สัก 
๒ – ๓  วัน 
แล้วนำกลับมาอ่านตรวจอีกครั้งหนึ่ง  ก็จะยิ่งดี     
 ๔.     ภาพประกอบสารคดี
มีคำเปรียบเปรยไว้ว่า   ภาพดี ๆ เพียง ๑ ภาพ  แทนคำบรรยายได้นับ  ๑,๐๐๐ คำ  สารคดี

จึงต้องมีภาพประกอบ  เพื่อให้งานเขียนสมบูรณ์  น่าเชื่อถือ  เรียกร้องความสนใจจากผู้ อ่าน  ภาพประกอบสารคดีควรมีลักษณะ  ดังนี้  มีความคมชัด  เสริมให้เนื้อหาเด่น  ภาพกับเนื้อหาเป็นเรื่องเดียวกัน  เป็นภาพถ่ายจากแหล่งข้อมูลโดยตรง  มีมุมถ่ายหลายมุม  ถ้าใช้ภาพเขียนต้องให้ถูกต้องตามความเป็นจริง  มีคำบรรยายภาพที่ถูกต้อง  ชัดเจน  ภาพถ่ายมีทั้งแนวตั้ง  และแนวนอน   



ที่มา :http://sirimajan.exteen.com/20120618/entry  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น